Saturday, November 24, 2007

กินฟาสต์ฟู้ดให้ได้คุณค่า

ฟาสต์ฟูด หมายถึงอาหารจานด่วน หรืออาหารจานเดียวแบบตะวันตก กำลังได้ รับความนิยมอย่างแพร่หลายในกลุ่มวัยเรียนและวัยรุ่น อาหารประเภทนี้มักจะมีปริมาณ ไขมันอิ่มตัวและโซเดียมสูง แต่มีเส้นใยอาหารต่ำ และส่วนใหญ่จะขายคู่กับน้ำอัดลม ซึ่งให้ พลังงานที่ได้จากน้ำตาลโดยไม่ให้สารอาหารอื่นๆ ที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย การกินฟาสต์ฟูด เป็นประจำอาจทำให้อ้วนและมีผลเสียต่อสุขภาพระยะยาว

อย่างไรก็ตาม ฟาสต์ฟูดยังให้โปรตีน แร่ธาตุ และวิตามินบางชนิดในปริมาณ มากพอควร ถ้ารู้จักเลือกกินฟาสต์ฟูดอย่างเข้าใจจะช่วยให้ได้คุณค่าทางโภชนาการ ดีขึ้น โดยเลือกให้มีความหลากหลายของประเภทอาหาร เช่น เมื่อกินไก่ทอดควรสั่ง สลัด และมันบดกินร่วมด้วย กินมิลค์เชคแทนน้ำอัดลมหรือเมื่อกินพิซซ่าควรกินร่วมกับ สลัดผัก และใส่น้ำสลัดแต่พอควร หรือเลือกน้ำสลัดไขมันต่ำ และถ้ากินฟาสต์ฟูด มื้อใดก็ตาม จะต้องปรับการกินอาหารในมื้ออื่นด้วยการเลือกกินผัก ผลไม้ ธัญพืช และ เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน เพื่อให้สมดุลกับปริมาณไขมันในฟาสต์ฟูดและเพิ่มใยอาหาร

อยากสูง…ทำอย่างไรดี

ความสูงเป็นสิ่งที่วัยรุ่นปรารถนา นอกจากนี้ ความสูงเป็นสิ่งต้องการ สำหรับการเล่นกีฬาและการประกอบอาชีพบางอย่าง ช่วงวัยรุ่นเป็นช่วงที่จะทำให้ สูงได้ตามศักยภาพของพันธุกรรมอีกช่วงหนึ่งของชีวิต โดยทั่วไป วัยรุ่นหญิงจะหยุด สูงเมื่ออายุประมาณ 17 ปี และวัยรุ่นชายจะหยุดสูงเมื่ออายุประมาณ 19 ปี

โภชนาการมีความสำคัญยิ่งต่อการช่วยพัฒนาความสูง ถ้าเลยวัยนี้แล้ว จะไม่ สามารถทำให้สูงได้ตามต้องการ เพื่อให้ร่างกายสูงขึ้นดังปรารถนา การกินอาหาร ให้ครบ 5 หมู่ ที่สมดุลและมีปริมาณเพียงพอกับความต้องการของร่างกายจึงมีความ สำคัญมาก สารอาหารที่จำเป็นสำหรับการเสริมสร้างความสูง ได้แก่ สารอาหารโปรตีน ซึ่งสำคัญสำหรับสร้างเนื้อเยื่อเพื่อเป็นฐานโครงสร้างของกระดูกโปรตีนที่ได้จากอาหาร จะต้องเป็นโปรตีนคุณภาพดีซึ่งจะได้จากเนื้อสัตว์ต่างๆ ไข่ และนม สารอาหารที่สำคัญ อีกชนิดหนึ่งก็คือแคลเซียม ซึ่งวัยรุ่นต้องการในปริมาณที่สูงมาก เมื่อเทียบกับวัยอื่นๆ พบว่า เด็กวัยเรียนและวัยรุ่นที่ไม่ดื่มนม จะได้รับแคลเซียมจากอาหารประมาณ 1 ใน 3ของ ความต้องการใน 1 วัน การดื่มนมอย่างน้อยวันละ 2 แก้วจึงเป็นสิ่งจำเป็น นอกจากการ กินอาหารให้ถูกต้องตามหลักโภชนาการดังกล่าวแล้ว การออกกำลังกายหรือการเล่นกีฬา เป็นประจำ และการหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอ จะกระตุ้นการหลั่งของฮอร์โมนสำหรับ การเจริญเติบโตช่วยพัฒนาความสูงให้เป็นไปตามปกติ และพบว่า กีฬาประเภทที่มีการยืด ตัว เช่น ว่ายน้ำ บาสเกตบอล และโหนบาจะช่วยพัฒนาความสูงได้ดีกว่า กีฬาประเภทอื่นๆ

เมื่อผิวแพ้แดด

แสงแดด มีประโยชน์มากมาย เช่น ทำให้โรคเกิดความสว่างไสว ความร้อนจากแสงแดดช่วยยับยั้งการเติบโตของเชื้อโรคต่าง ๆ ได้ ไล่ความอับชื้นของเครื่องนุ่งห่ม ห้องนอน ทำให้ไม่เหม็นเหงื่อ ผู้คนที่อยู่ในเขตหนาวเช่นยุโรป และอเมริกา มีผิวหนังสีขาวซีดจะนิยมอาบแดด เพื่อต้องการบำรุงสีผิวให้เข้มกว่าเดิม แต่ก็จะดำขึ้นชั่วคราว หรือประมาณอย่างน้อย 1 เดือน แล้วกลับสู่ปกติ คนพวกนี้จึงต้องไปอาบแดดกันบ่อย ๆ ถ้าไม่แพ้แดดก็ไม่เป็นไร ถ้าแพ้แดดก็จะเดือดร้อนรำคาญ เพราะจะมีผื่นแดงและคันเป็นระยะ ๆ
ผิวหนังที่แพ้แสงแดดเกิดได้หลายวิธีดังนี้
1. เกิดเมื่อมีสารบางอย่าง มาสัมผัสกับผิวหนัง เป็นระยะเวลานาน พอสมควร และเมื่อสารดังกล่าวถูกดูดซึมเข้าสู่เซลล์ผิวหนังจนมีปริมาณมากพอ และออกไปตากแดด ก็จะก่อให้เกิดอาการผื่นแดงเฉพาะบริเวณนอกร่มผ้า ได้แก่ ใบหน้าพบว่าตรงส่วนนูน เช่น หน้าผาก โหนกแก้ม ส่วนอื่น ๆ ที่อาจจะพบได้อีกเช่นกัน คือ คอ อกส่วนรูปตัววี แขนด้านข้าง ขาส่วนนอกกางเกง หลังเท้า สารที่มาสัมผัสกับผิว แล้วก่อให้เกิดอาการดังกล่าว เป็นสารที่อาจพบได้ในสบู่ หรือเครื่องสำอางที่มีส่วนประกอบ ของสารต่อไปนี้ คือ Bithional, Trichlosalicylanilide ถ้ามีอาการดังกล่าวควรตรวจสอบเครื่องสำอางที่ตนเคยใช้ ให้เปลี่ยนเป็นชนิดอื่น ๆ แทน อาการดังกล่าวก็จะดีขึ้น

2. เกิดเมื่อได้รับประทานยาบางอย่างซึ่งจะออกฤทธิ์ของการแพ้ยา เมื่อเราไปถูกแสงแดดแล้ว ยาดังกล่าวเป็นยาที่ใช้ รักษาโรคทั่ว ๆ ไปคือ ยาเบาหวาน (Diabenese) ยาขับปัสสาวะ (Dichlortride) ยารักษาเชื้อรา (Griseofulvin) และยากลุ่มซัลฟา ยาดังกล่าวเมื่อรับประทานเข้าไปแล้วภายใน 7 วัน ถ้าผู้ใดมีอาการแพ้ยาและแพ้แดด จะมีผื่นแดงตกสะเก็ด มีน้ำเหลืองไหลในบางราย และมีอาการคันมาก เมื่อหยุดยาอาการดังกล่าวจะหายไป

3. โรคแพ้แดดและแพ้ภูมิตัวเองคือ โรค SLE พบมากในหญิงมากกว่าชาย จะมีอาการมีไข้ ผมบางเพราะร่วงวันละ เล็กน้อย ปวดข้อเข่า ข้อนิ้วมอ ผอมลง น้ำหนักลด มีผื่นแดงชัดเจนบริเวณดั้งจมูก และแก้มทั้งสองข้าง และอาจพบอาการปกติที่อวัยวะอื่น เช่น ไต หัวใจ ปอด ทำให้ผู้ป่วยถึงแก่ชีวิตได้ ถ้าไม่ได้รับการวินิจฉัยและรักษาที่ถูกต้องในเวลาอันสมควร ดังเช่น คุณพุ่มพวง ดาราลูกทุ่งมีชื่อและขวัญใจของชาวไทย
อาการแพ้แสงแดดในจำนวนทั้ง 3 โรคที่กล่าวข้างบนมิได้เกิดขึ้นกับมนุษย์ทุกคน จะเกิดเพียงบางคนเท่านั้น โดยเหตุผลของการเกิดไม่ทราบแน่นอน แต่ที่สำคัญคือ ต้องมีแสงแดดร่วมด้วยเสมอและสามารถทุเลาได้ โดยการรักษาที่ถูกต้อง
ส่วนอาการเป็นพิษเรื้อรังจากการแพ้แสงแดด ที่มักจะเกิดทุกราย คือ จุดด่างขาวเล็ก ๆ ขนาด 1-5 มิลลิเมตรเป็นจุดด่างขาวที่มีลักษณะกลม ไม่มีอาการเจ็บปวด หรือคันแต่อย่างใด พบในคนที่อายุเฉลี่ยประมาณ 45 ปีขึ้นไป จัดเป็นโรคผิวหนังที่เกิดจากแสงแดดในผู้สูงอายุ จุดขาวดังกล่าว จะพบบริเวณที่ ถูกแสงแดดเสมอ เช่น แขน อก ผู้ที่โชคร้ายสักหน่อยอาจเกิด ตั้งแต่อายุได้ 30 ปี โดยเฉพาะพวกที่มีผิวค่อนข้างขาว และมีอาชีพที่ต้องถูกแดดได้บ่อย ๆ วิธีป้องกันคือใส่เสื้อแขนยาวหรือทายากันแดดก่อนออกไปทำงาน ถ้าเราสังเกตว่าครอบครัว ของเรามีญาติผู้ใหญ่ซึ่งมีอาการเช่นนี้

อันตรายอื่น ๆ ที่อาจเกิดจากแสงแดดยังมีอีก เช่น ถ้าตากแดดจัดจนเกินไปเป็นเวลานาน โดยเฉพาะการอาบแดดตามสระว่ายน้ำ หรือชายทะเล ซึ่งมีแสงแดดจัดมาก และไม่ใคร่มีร่มกันแดดอาจเกิดผิวหนังแดงแสบและพองภายใน 24 ชั่วโมง ภายหลังตากแดดจัดและนาน โดยเฉพาะแดดใกล้เที่ยงถึงบ่ายโมง 3 โมงเย็น จึงควรหลีกเลี่ยง ส่วนมะเร็งผิวหนังเกิดมากในฝรั่งที่นิยมอาบแดดนาน ๆ เป็นเวลาหลายปี ส่วนคนไทยนั้นกลัวแดดนิยมกางร่มหรือไม่ก็ใส่แขนยาวอยู่แล้ว มะเร็งผิวหนังจากแสงแดดจึงไม่ใคร่เกิด นับว่าโชคดีพอสมควร

Friday, November 16, 2007

กินตามกรุ๊ปเลือด



อยากทราบความสัมพันธ์ระหว่างกรุ๊ปเลือดกับอาหารที่ควรทานครับ


ตอบ ย้อนไปเปิดหนังสือพิมพ์ครบทุกรส สดทุกเรื่อง "ข่าวสด"...แฮ่ม...พบเรื่อง "กินตามกรุ๊ปเลือด" ดังนี้ น.พ.พฤฒิชัย ดำรงรัตน์ เจ้าของโครงการห่วงใยสุขภาพ เล่าว่า การรับประทานอาหารตามกรุ๊ปเลือดเป็นผลมาจากงานวิจัยของแพทย์ชาวอเมริกัน ซึ่งพบว่าการรับประทานอาหารที่เหมาะสมกับกรุ๊ปเลือดจะช่วยสร้างสมดุลที่ดีที่สุดให้แก่ร่างกาย ภูมิต้านทาน ระบบย่อย รวมถึงการลดน้ำหนักและเพิ่มพละกำลัง ที่สำคัญช่วยทำให้ไม่แก่เร็วอีกด้วย

กรุ๊ป A เหมาะกับอาหารแบบมังสวิรัติ จึงควรหลีกเลี่ยงเนื้อสัตว์ เพื่อลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและมะเร็ง ระวังอาหารสำเร็จรูป เช่น ไส้กรอกและแฮม เพราะมีไนไตรต์ซึ่งกระตุ้นให้เกิดมะเร็งในกระเพาะ อาหารประเภทนม ถั่วแดง และอาหารที่มีแป้งสาลีมากเกินไปไม่เหมาะกับชาวกรุ๊ป A เพราะมีผลต่อระบบเผาผลาญ ระบบย่อยอาหาร และชะลอการทำงานของอินซูลินแต่การไม่กินเนื้อสัตว์ของชาวกรุ๊ป A จะทำให้ขาดธาตุเหล็ก จึงควรกินข้าวกล้อง ถั่ว มะเดื่อ และน้ำตาลโมแลสซิส (สีดำที่เอามาทำซีอิ๊วหวาน) ควรเสริมอาหารที่มีวิตามินบีและซีมากๆ เพราะจะช่วยปัญหากรดในกระเพาะต่ำ เช่น บร็อกโคลี ส้มโอ สับปะรด เชอรี่ มะนาว รวมถึงผักใบเขียว

กรุ๊ป AB อาหารมังสวิรัติจะให้ผลดีต่อร่างกาย ผลิตภัณฑ์จากนมและไข่รับประทานได้ แต่ไม่มาก หากมีปัญหาไซนัสอักเสบและหูอื้อควรงดอาหารจากผลิตภัณฑ์นม เนย ไข่แดง โปรตีนที่เหมาะสมจะได้จากอาหารทะเล เต้าหู้ แกะ กวาง และกระต่าย แต่ควรรับประทานครั้งละน้อยๆ เพราะกระเพาะของคนกรุ๊ปนี้ไม่ผลิตน้ำย่อยเพียงพอที่จะย่อยโปรตีนมากเกินไปไม่ควรรับประทานปลาเนื้อขาว และแซลมอนรมควัน ถั่วแดงหลวง โดยเฉพาะถ้าเป็นโรคเกี่ยวกับถุงน้ำดีไม่ควรรับประทานถั่วเม็ด รวมทั้งน้ำมันต่างๆ (ยกเว้นน้ำมันมะกอก) เพราะจะส่งผลร้ายต่อร่างกาย อาหารประเภทข้าวและแป้งก็มีประโยชน์กับคนเลือดกรุ๊ปนี้ แต่ให้ระวังแป้งข้าวโพด เพราะเป็นตัวการสำคัญทำให้น้ำหนักเพิ่มง่าย เกิดเสมหะ ชาวกรุ๊ป AB มีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ จึงควรรับประทานผักสดมากๆ ช่วยป้องกันมะเร็งและโรคหัวใจ ซึ่งเกิดได้ง่ายกับกรุ๊ป AB แต่ควรหลีกเลี่ยงผลไม้อย่างกล้วย มะม่วง ฝรั่ง ส้ม ซึ่งไม่ดีต่อกระเพาะ ยกเว้นสับปะรดและส้มโอที่ช่วยย่อยได้ดีมาก

กรุ๊ป B ร่างกายของคนเลือดกรุ๊ปนี้เหมาะจะรับประทานอาหารเนื้อสัตว์พวกกระต่าย กวาง แกะ ควรเลี่ยงเนื้ออกไก่เพราะจะนำไปสู่อาการเส้นเลือดแตกหรือตีบในสมอง และโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง ควรทานไก่งวงแทน ชาวกรุ๊ป B เป็นเพียงกรุ๊ปเดียวที่ทานอาหารนมเนยได้เต็มที่ ข้าวโอ๊ตและข้าวกล้องก็มีประโยชน์มาก แต่ควรเลี่ยงแป้งสาลี ถั่วบางชนิดเพราะไม่ดีต่อเลือด เกี่ยวข้องโดยตรงกับโรคเครียดและโรคภูมิคุ้มกันบกพร่องผักส่วนใหญ่ดีต่อสุขภาพของคนกรุ๊ปนี้ ยกเว้นมะเขือเทศที่ต้องห้ามกินโดดเด็ดขาดเพราะมีสารก่อกวนผนังกระเพาะ และข้าวโพดซึ่งมีผลต่อระบบเผาผลาญ แต่ควรทานผักใบเขียวมากๆ โดยเฉพาะเด็กกรุ๊ป B เพราะช่วยป้องกันโรคผื่นคัน ผลไม้เหมาะกับคนกรุ๊ปนี้มาก ถ้าทานผลไม้วันละ 2-3 ครั้งจะมีผลดีต่อการรักษาโรคและลดความเจ็บปวด

กรุ๊ป O มีระบบย่อยเนื้อแดงดีมาก จึงเหมาะจะรับประทานเนื้อสัตว์ สัตว์ปีก ปลา รวมทั้งผักและผลไม้ และควรรับประทานอาหารทะเลเป็นประจำ เพราะชาวเลือดกรุ๊ปนี้มักมีปัญหาโรคเลือดไม่แข็งตัวและธัยรอยด์ รวมทั้งโรคลำไส้อักเสบที่มีโอกาสเกิดขึ้นได้มากกว่าเลือดกรุ๊ปอื่นๆ หญิงสาวกรุ๊ป O ไม่ควรรับประทานแป้งสาลี ข้าวโอ๊ต เพราะมีผลต่อระบบการย่อย ทำให้เกิดการสะสมไขมัน เพิ่มน้ำหนักตัว เห็ดหอมและมะกอกดองอาจทำให้เกิดอาการแพ้ มะเขือยาวและมันฝรั่งถือเป็นต้นตอให้ปวดข้อ และควรเลี่ยงแคนตาลูป ส้ม สตรอเบอร์รี่ เพราะมีกรดสูงเกินไปสำหรับคนเลือดกรุ๊ปนี้กรุ๊ปเลือดแต่ละกรุ๊ปแตกต่างกัน การกินอาหารหรือควรหลีกเลี่ยงอาหารที่ไม่เหมาะสมกับกรุ๊ปเลือด คือข้อสรุปของทฤษฎีนี้

ผลไม้ล้างพิษ


ในปัจจุบันมีหลายปัจจัยที่ทำให้เราต้องเลือกรับประทาน เพราะทุกสิ่งทุกอย่างที่เข้าสู่ร่างกายแล้วย่อมมีผลตามมาทั้งสิ้น อาหารชนิดเดียวกันบางครั้งก็มีทั้งคุณทั้งโทษ และวันนี้เราจะมาแนะนำผลไม้ซึ่งสามารถหาซื้อได้ง่ายตามท้องตลาดและที่สำคัญยังสามารถล้างพิษในร่างกายเราได้อีกด้วยนะคะ


แอปเปิ้ล : เป็นผลไม้ที่ดีที่สุดสำหรับการขจัดของเสียออกจากร่างกาย สารเปกตินในแอปเปิ้ลจะช่วยนำสารพิษไปกำจัดทิ้ง ทั้งยังป้องกันไม่ให้โปรตีนในลำไส้เกิดการบูดเน่า แอปเปิ้ลยังมีเส้นใยมากจะทำหน้าที่เป็นไม้กวาด ทำความสะอาดลำไส้ช่วยให้ตับและระบบย่อยทำงานได้ดียิ่งขึ้น กระตุ้นน้ำย่อย นอกจากนี้ยังมีวิตามินและเกลือแร่ และยังเหมาะกับผู้ที่กำลังลดน้ำหนักอีกด้วยค่ะ


องุ่น : เป็นสารฟอกล้างสำหรับผิวหนัง ตับ ลำไส้และไตโดยเฉพาะ เนื่องจากองุ่นมีคุณสมบัติรักษาน้ำมูกที่จะออกมาจากเยื่อเมือกต่างๆในร่างกาย องุ่นยังให้พลังงานสูงและนำไปใช้ได้ง่าย เกลือแร่อุดม ดังนั้นจึงช่วยบำรุงเลือดและซ่อมสร้างเซลล์ในร่างกาย


สับปะรด : มีเอนไซม์โปรเมลินสูง เอนไซม์ตัวนี้จะช่วยการทำงานของกรดไฮโดรคลอริกในกระเพาะ และช่วยทำให้ของเสียที่เป็นโปรตีนแตกตัวได้เร็วขึ้น เชื่อกันว่าสับปะรดช่วยรักษาอาการอักเสบในทางเดินอาหาร ช่วยในการซ่อมแซมส่วนต่างๆที่สึกหรอ ช่วยการทำงานของต่อมไร้ท่อและช่วยกำจัดน้ำมูก


มะละกอ มะม่วง แตงโม : มีลักษณะคล้ายคลึงกันแต่มะม่วงมีสารสำคัญน้อยกว่ามะละกอเล็กน้อย ผลไม้ทั้งสองชนิดมีเอนไซม์ชื่อปาเปน ซึ่งมีลักษณะคล้ายกับน้ำย่อยเปปซินในกระเพาะอาหาร


ดังนั้นมันจึงช่วยทำให้ของเสียที่เป็นโปรตีนแตกตัวได้เร็วขึ้นเช่นเดียวกับโปรเมลิน ทั้งมะละกอและมะม่วงดีสำหรับทำความสะอาดลำไส้และช่วยย่อยอาหาร เชื่อกันว่ามะละกอยังช่วยลดอาการซึมเศร้าได้อีกด้วย แตงโมมีฤทธิ์ขับปัสสาวะ ช่วยฟอกล้างร่างกายได้เป็นอย่างดี ใช้รักษาแผลในกระเพาะ ลดความดันเลือดสูง ทำให้สบายท้อง น้ำคั้นจากเปลือกของแตงโมและเมล็ด หากดื่มก่อนกินเนื้อแตงโมในมื้ออาหารสักครึ่งชั่วโมง จะทำให้ได้ประโยชน์สูงสุด เนื่องจากเปลือกของแตงโมอุดมด้วยคลอโรฟิลล์และเมล็ดอุดมด้วยวิตามิน ผลไม้มีประโยชน์ มากคุณค่า แถมทำให้เราไม่อ้วนด้วย อย่างนี้น่าจะลองหาผลไม้ติดบ้านไว้ แทนขนมขบเคี้ยว หรือขนมหวานก็จะดีไม่น้อยเลยนะคะ